ลูก...ไม่ได้ต้องการแค่พี่เลี้ยงที่ดูแลเรื่องอาหารการกิน การนอน การเล่น หรือเปลี่ยน ผ้าอ้อมเท่านั้น แต่ลูกต้องการให้เอาใจใส่ และได้ความรักจากพี่เลี้ยงด้วยค่ะ การได้รู้ถึง ทักษะความรู้ ประสบการณ์ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก ถือเป็นข้อดี ที่ช่วยให้คุณแม่อุ่นใจ ในเวลาที่คุณแม่ต้องออกไปทำงานแล้วให้พี่เลี้ยงช่วยดูแลเลี้ยงลูกแทน บ้านกุนนทีมี วิธีการคัดเลือกพี่เลี้ยงจากประสบการณ์จริงที่เคยใช้เลือกพี่เลี้ยง ดังนี้ค่ะ
1.ส่องให้ละเอียดเข้าไว้
ส่องประวัติ ดูแหล่งที่มา มีคนอ้างอิงไหม ถ้าสามารถไปดูถึงที่บ้านภูมิลำเนาบ้านเกิดได้ลุยไปเลยค่ะ ดิฉันก็ไปมาแล้ว ลุยยาวข้ามไป 2-3ประเทศเพื่อนบ้านมาแล้วค่ะ ถือว่าได้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยเลย เพราะเราไม่สามารถรู้เลยว่าอนาคตพี่เลี้ยงที่เราไว้ใจจะยังแสนดี และยังตั้งใจทำงานเลี้ยงลูกเราหรือเปล่า เพราะดิฉันเคยเจอพี่เลี้ยงแบบเห็นว่าลูกเราติดเขา ชอบเขาแล้ว ก็เอาลูกมาเป็นตัวต่อรองกับเราในการขึ้นเงินเดือน ข้ออ้างโน้นนี้ บลาๆ ๆๆ หรืออะไรก็ตามแต่ การมีข้อมูลเยอะๆไว้ก็ย่อมดีกว่าแน่นอนค่ะ
2. อายุ
อายุควรอยู่ในวัยทำงาน และมีอารมณ์ที่หนักแน่นมั่นคง ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ดิฉันรู้ว่าจะเลือกพี่เลี้ยงต้องอายุระหว่าง 23-35 ปีค่ะ เพราะร่างกายเขาแข็งแรงดี จะได้มีแรงมาวิ่งตามลูกเราทัน หากอายุมากไปก็จะไม่มีแรงทำงาน หรืออาจะขี้เกียจ หรือถ้าอายุน้อยไปก็จะไม่มีความมั่นคงทาง อารมณ์ คือหงุดหงิดง่าย หรือไม่ก็ดูทีวี คุยโทรศัพท์ (คุยได้ทั้งวัน งงกะเขาจริงๆ )แต่...ข้อนี้ก็อาจจะปรับขึ้นลงได้บ้างขึ้นอยู่กับตอนที่เราสัมภาษณ์และตัวพี่เลี้ยงค่ะ
3. ลงทุนเรื่องการสัมภาษณ์
ดิฉันยอมออกค่ารถเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาสัมภาษณ์ หากไม่ผ่านก็ให้เขากลับไป ดีกว่ารับเขามาทำงานเลย
4. สัมภาษณ์ตรงไปตรงมา
สัมภาษณ์ประสบการณ์ทำงาน หรือบอกความคาดหวังว่าเราต้องการอะไรจากพี่เลี้ยงเน้นให้ละเอียดเลยนะค่ะ ของดิฉันจะใช้วิธีให้พี่เลี้ยงเล่าเลยค่ะว่าใน 1 วัน เขาทำอะไรบ้าง อยู่อย่างไรกับน้อง เพราะคนที่เป็นพี่เลี้ยง และมีประสบการณ์จริงเขาก็จะเล่าได้ค่ะ
5. จับเท็จ
เมื่อสัมภาษณ์แล้ว ก็ทดสอบดูว่าที่เราสัมภาษณ์ และได้คำตอบมานั้นจริงหรือแค่เล่านิทาน ดิฉันจะใช้วิธีตั้งถามค่ะ เช่น ถ้าน้องป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ โดยที่คุณแม่ไม่อยู่จะทำอย่างไร
6. สังเกตบุคลิกโดยรวม
ในระหว่างที่เราสัมภาษณ์นั้นก็สังเกตว่าเขามีบุคลิกอย่างไร ความสะอาด เสื้อผ้า เล็บมือ ผม และลักษณะเฉพาะตัวของพี่เลี้ยง เช่นขี้อายไหม หรือตาเหล่ หรือเปล่า เพราะพี่เลี้ยงเนี่ยเขาจะอยู่กับลูกเราทั้งวัน เด็กจะเหมือนผ้าขาวจะมีซึมซับลักษณะนิสัย ท่าทางจากพี่เลี้ยงได้ค่ะ ถ้าข้อนี้ไม่ผ่านดิฉันก็จะไม่ดูข้ออื่นต่อเลยค่ะ
7. ให้ลูกเราทดสอบเลย
หากลูกเราอยู่ด้วย ก็ให้ลูกลองเล่นกับพี่เลี้ยงดูว่าชอบไหม เข้ากันได้หรือเปล่า จะสังเกตว่าเขามีเทคนิคในการเข้าหาเด็กอย่างไร เพราะเด็กมักกลัวคนแปลกหน้าค่ะ
8. ดูเอกสารต่างๆ
ดูเอกสารการทำงาน เอกสารการเดินทาง ว่ามีถูกต้องครบถ้วน เพื่อจะได้ไม่ทำผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจในการที่พักต่างด้าวอย่างผิดกฎหมาย (โดนค่าปรับแสนแพงนะค่ะ)
9. เก็บหลักฐาน ประวัติ และรูปถ่ายชัดๆ หน้าตรง และเต็มตัวของพี่เลี้ยง พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือ เอาพิมพ์แบบเยอะๆเลยค่ะ ดิฉัน ให้พิมพ์ทั้ง10 นิ้วเลยค่ะ คิดว่าเหลือดีกว่าขาดนะค่ะ
10. ส่งประวัติ และเช็คประวัติกับสถานีตำรวจ
เพื่อจะได้เช็คว่ามีประวัติที่ไม่ดีหรือไม่ ถ้ามีเราก็จะได้ไม่รับ(ลูกเราจะได้ปลอดภัย)
11. พาไปตรวจโรคและฉีดวัคซีน
เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง หรือโรคติดต่อ
12. ดูความสามารถพิเศษ
หากเราได้พี่เลี้ยงที่ออปชั่นเสริม เช่น พูดภาษาที่สอง ที่สาม ได้ เล่นดนตรีได้
13. อธิบายหลักการเลี้ยงลูกของตนให้ชัดเจน
ความเป็นแม่ สังเกตได้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วถ้าพี่เลี้ยงที่เคยมีลูกของตัวเองแล้วเขาก็จะเข้าใจถึงความรักความรู้สึกที่เรามีต่อลูกได้ดีมากกว่าพี่เลี้ยงที่ยังไม่เคยมีลูก แต่ข้อนี้ก็มีข้อเสียนะค่ะคือบางทีเขาอาจจะเคยชินกับการเลี้ยงดูเด็กในแบบที่เคยเลี้ยงลูกเขามา ซึ่งตรงจุดนี้ก็ต้องระวัง โดยดิฉันก็จะใช้วิธีการย้ำชัดและอธิบายให้ชัดๆว่าการเลี้ยงดูของแต่ละบ้านจะไม่เหมือนกัน ยิ่งถ้าคนละประเทศด้วยแล้ววัฒนธรรมก็แตกต่างแล้วค่ะ ดังนั้นพี่เลี้ยงควรจะต้องเรียนรู้และเลี้ยงดูตามแนวทางของเราค่ะ
14. พี่เลี้ยงสำรอง
ดิฉันมักจะหาพี่เลี้ยงอีกคนไว้เป็นแผนสองเสมอเพราะ จากประสบการณ์พี่เลี้ยงนิสัยไม่ดี(บางคน)ชอบออกแบบกะทันหัน เช่น พ่อป่วย ญาติตาย แฟนมีเรื่อง บลาๆๆ ทำให้เราตั้งตัวไม่ติดเลยค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้งานเข้าข้อนี้ก็จำเป็นสำหรับบ้านดิฉัน
15. ตั้งกฎกติกา
หน้าที่รับผิดชอบของพี่เลี้ยงชัดเจน เช่นห้ามตีลูกเด็ดขาด ให้พี่เลี้ยงรับรู้เหมือนกฎเหล็กของบ้าน(ลูกข้าใครอย่าแตะ อารมณ์นั้นเลยนะค่ะ) ต่อให้ลูกเราซนยิ่งกว่าเฮงเจีย ถ้าหากพี่เลี้ยงเหนื่อย และทนน้องไม่ไหว ก็ให้ถอยออกมาก่อน สูดลมหายใจลึกๆและเข้าไปดูน้องใหม่ หรือให้มาบอกเรา เราจะทำโทษน้องเองหากจำเป็นค่ะ
16. ความซื่อสัตย์
ข้อนี้อาจดูยากนิดหน่อยเพราะเพิ่งเจอกัน อาจต้องใช้วิธีสังเกตจากพฤติกรรมตอนอยู่ในบ้านค่ะ คุณแม่ต้องระวังเรื่องทรัพย์สินของมีค่าเก็บในที่เหมาะสมนะค่ะ แต่ในครั้งแรกดิฉันก็จะฟังจากน้ำเสียงและท่าทีในการพูดถึงเจ้านายเก่าของพี่เลี้ยงค่ะ
17. สุดท้ายให้ลูกรักพี่เลี้ยงที่แท้จริง
...คือเราเองค่ะ ดิฉันจะไม่ปล่อยให้ลูกรัก หรือติดพี่เลี้ยงเลย เพราะคนที่เลี้ยงและดูแลลูกเราได้ดีที่สุดก็คือตัวเราเอง ข้อนี้มีประโยชน์และสำคัญมากๆค่ะเพราะเมื่อวันที่พี่เลี้ยงลาออกมาถึงลูกเราจะได้ไม่เสียใจ หรือแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ
หน้าที่เข้าชม | 79,486 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 56,803 ครั้ง |